วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

สุดยอด! sinatraa นักกีฬาอีสปอร์ตวัย 17 ปีจากเกมส์ Overwatch ที่มีรายได้เยอะถึง ห้าล้านสองแสนบาท/ปี!

สุดยอด! sinatraa นักกีฬาอีสปอร์ตวัย 17 ปีจากเกมส์ Overwatch ที่มีรายได้เยอะถึง ห้าล้านสองแสนบาท/ปี!

สุดยอด! sinatraa นักกีฬาอีสปอร์ตวัย 17 ปีจากเกมส์ Overwatch ที่มีรายได้เยอะถึง ห้าล้านสองแสนบาท/ปี!



เผื่อใครยังไม่ทราบ... กีฬา "อีสปอร์ต (E-Sport)" หรือรูปแบบกีฬาที่ใช้เกมส์เป็นในการแข่งขันและตัดสินใจผู้แพ้-ชนะนี้ ในปัจจุบัน ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและทำกำไรได้อย่างมหาศาลในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษจนกลายเป็นอุตสหากรรมหลักที่นักลงทุนทั้งหลายให้ความสนใจในระดับสูง
และหนึ่งในตัวแปรสำคัญของกีฬารูปแบบดังกล่าวนั้น คือ "ผู้เล่นระดับมืออาชีพ" หรือเกมเมอร์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงในเกมส์ต่างๆ ที่ ณ ตอนนี้ ได้มีเด็กหนุ่มผู้ที่รักและมีฝีมือในการเล่นเกมส์ระดับสูงวัย 17 ปีสัญชาติอเมริกัน ได้เซ็นสัญญาข้อตกลงเพื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมแข่งขันเกมส์ Overwatch และได้รับค่าจ้างต่อปีเป็นจำนวน 150,000 เหรียญดอลลาร์สหัรฐฯ หรือมากถึง 2,550,000 บาท!
Jay "sinatraa" Won คือชื่อของผู้เล่นระดับมืออาชีพคนนั้นครับ ซึ่งที่มาของอัตราค่าจ้างที่แพงหูฉี่นี้ เกิดขึ้นจากการพยายามแย่งตัวเขาผู้นี้ให้เข้ามาร่วมทีมระหว่าง NRG และ Cloud9 โดยในท้ายที่สุดของการแย่งชิงขุนพลฝีมือเป็นเลิศนี้ ฝั่งที่ได้ตัว Jay ไปนอนกอดคือ NRG ที่ยอมทุ่มขอเสนอที่มากกว่า Cloud9 ถึง 50,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมีจำนวนศูนย์เต็มหลังตามที่เราเห็น 

ที่มา : www.engadget.com

แค่ยิ้มก็จ่ายเงินได้! Alipay ออกฟีเจอร์ใหม่ Smile to Pay ฉีกยิ้มปุ๊บ ชำระเงินได้ทันที

แค่ยิ้มก็จ่ายเงินได้! Alipay ออกฟีเจอร์ใหม่ Smile to Pay ฉีกยิ้มปุ๊บ ชำระเงินได้ทันที
ตอนนี้การหยิบมือถือมาแตะ NFC กับเครื่องเพื่อจ่ายเงินด้วยบริการ Tap-to-pay คงจะไม่ใช่เทคโนโลยีการจ่ายเงินล่าสุดอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อปัจจุบันนี้ เราไม่จำเป็นต้องหยิบมือถือขึ้นมาก่อน แต่เพียงแค่ฉีกยิ้มสวยๆ ก็สามารถจ่ายเงินได้เช่นกัน
โดยล่าสุด Alipay บริการจ่ายเงินช้อปปิ้งจากบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน Alibaba ได้ออกระบบการจ่ายเงินใหม่ผ่านการตรวจสอบใบหน้า (Facial recognition) เพื่อระบุตัวตน ในชื่อ Smile to Pay หากตอนนี้เราได้แวะไปร้าน KFC ในเมืองหางโจว ประเทศจีน เราก็สามารถยืนยิ้มอยู่หน้าเครื่องจ่ายเงินที่ติดอุปกรณ์กล้อง เพื่อจ่ายเงินได้ทันที (แต่ก็ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านสมาร์ทโฟนตอนจ่ายตังนะ) ไม่ต้องหยิบกระเป๋าตังหรือหยิบมือถือมาคอยแตะเครื่องให้วุ่นวายอีกแล้ว
ความน่ารักของ Smile to Pay อย่างการยิ้มก่อนจ่ายเงิน ไม่ใช่แค่กิมมิคเพียงอย่างเดียวนะ แต่เป็นการป้องกันการแฮ็คระบบตรวจสอบใบหน้า ด้วยการใช้รูปภาพแทนใบหน้าจริงๆ เพื่อทำการปลดล็อค โดยการเพิ่มขั้นตอนของการขยับใบหน้า เพื่อตรวจสอบหาใบหน้าที่แท้จริงอีกด้วย ทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยเทคโนโลยีนี้ ยังแม่นยำพอที่จะตรวจสอบผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง แม้จะมีการแต่งหน้าหรือใส่วิกอีกด้วย
แต่บอกก่อนเลยว่า บริการ เราคงได้เห็นแค่ในประเทศจีนเท่านั้น เพราะในประเทศอื่นๆ หลายประเทศ อย่างอเมริกา จะมีกฏหมายที่เข้มงวด ในเรื่องของการนำข้อมูลทางชีวภาพไปใช้งาน ที่ควรจะเป็นข้อมูลส่วนตัวมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้เทคโนโลยี ในการชำระเงินได้อย่างสะดวก และรวดเร็วมากๆ

ที่มา : www.engadget.com

Facebook เปิดให้บริการแพลตฟอร์มรายการทีวีในสหรัฐอเมริกาแล้ว

Facebook เปิดให้บริการแพลตฟอร์มรายการทีวีในสหรัฐอเมริกาแล้ว
ยอมรับเลยว่าในปัจจุบันนี้ การชมข่าวสารอะไร หรือแม้แต่คลิปวีดีโอ ก็จบลงที่โซเชียลยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ทั้งหมด ซึ่งล่าสุดทาง Facebook ก็ได้ปรับเปลี่ยนปุ่ม Video ในแอพฯ ของตนเอง ให้กลายเป็นปุ่มWatch เรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งบนเวอร์ชั่นมือถือและเดสก์ท็อป
Facebook เปิดให้บริการแพลตฟอร์มรายการทีวีในสหรัฐอเมริกาแล้ว
ซึ่งในเมนู Watch นี้ จะเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานจะได้พบกับรายการทีวีต่างๆ อย่างเช่น National Geographic เป็นต้น และแน่นอนว่าช่องทางนี้ จะกลายเป็นแพลตฟอร์มวีดีโออีกหนึ่งทางเลือก สำหรับนักสร้างรายการ ทำคลิปต่างๆ ออกมาเผยแพร่ให้ชาวโซเชียลได้รับชมกัน เหมือนกับ YouTube นั่นเอง
Facebook เปิดให้บริการแพลตฟอร์มรายการทีวีในสหรัฐอเมริกาแล้ว
ส่วนฟีเจอร์นี้ จะเปิดให้ใช้งานกันทั่วโลกเมื่อไหร่นั้น ยังไม่มีข่าวคราวจากทางบริษัทแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าเฟสบุ๊คไม่เคยปล่อยให้เรารอนานแน่นอน และสำหรับใครที่อยู่สหรัฐอเมริกา หรืออยากเช็คว่า แอคเคาท์ของเรารองรับฟีเจอร์ใหม่นี้หรือยัง? ก็ลองคลิกเบาๆ ไปที่ https://www.facebook.com/watch/ ได้เลย

เทคโนโลยีเส้นใยผ้าระดับนาโน สร้างพลังงานไฟฟ้า ให้กับอุปกรณ์แบบใหม่ที่ไร้แบตเตอรี่

เทคโนโลยีเส้นใยผ้าระดับนาโน สร้างพลังงานไฟฟ้า ให้กับอุปกรณ์แบบใหม่ที่ไร้แบตเตอรี่
ลองจินตนาการดูสิว่า มันจะดีขนาดไหน ถ้ามีอุปกรณ์บางอย่าง ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานกล ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังวิ่งจ๊อกกิ้ง มาสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องเล่นเพลง หรืออุปกรณ์ Fitness tracker แบบไร้แบตเตอรี่ หรือใช้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการที่มีรถไฟ หรือรถยนต์วิ่งผ่าน เพื่อวัดระดับความเครียดทางด้านกลศาสตร์ของพื้นผิวถนน และส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้ไปให้หน่วยงาน หรือใครก็ตามที่ต้องการข้อมูล นี้คือความเป็นไปได้ 2 รูปแบบ ในการนำเทคโนโลยีเก็บเกี่ยวพลังงานรูปแบบใหม่นี้ไปใช้งาน ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือของทีมงานวิจัยนานาชาติ พวกเขาสามารถสร้างเส้นใยผ้าด้วยนาโนเทคโนโลยีที่มีความบางเป็นพิเศษ และมันสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานเชิงกลให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า สำหรับหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ ได้เลย
คุณ Ray Baughman หนึ่งในทีมงานวิจัยจาก University of Texas ให้สัมภาษณ์ว่า "ความพยายามครั้งแรกของผม ต้องย้อนกลับไปในปี 1980 โดยการใช้เส้นใยพอลิเมอร์สังเคราะห์  เพื่อสร้างกล้ามเนื้อประดิษฐ์ (Artificial muscle) ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้จากปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมี เราเรียนรู้ว่า สามารถใช้พลังงานไฟฟ้า ไปขับเคลื่อนกล้ามเนื้อประดิษฐ์ เพื่อสร้างพลังงานกลขึ้นมาได้ และมันจะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราทำสิ่งนี้แบบย้อนกลับ ในรูปแบบการใช้พลังงานกลเพื่อสร้าง และเก็บกักพลังงานไฟฟ้า และอีกหลายปีหลังจากนั้น ผมก็ล้มเหลวในการพยายามทำสิ่งนี้ แต่ในเวลาปัจจุบัน สิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
เส้นใยผ้าแบบพิเศษ ที่ทีมนักวิจัยได้สร้างขึ้น สามารถบิดเกลี่ยวได้ในรูปแบบเดียวกับขดลวด ทำให้เส้นด้ายสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เมื่อเส้นใยถูกยืดออก โดยที่เส้นด้ายแต่ละเส้น สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าให้ดวงไฟ LED ขนาดเล็กส่องสว่างได้ และชิ้นผ้าที่มีน้ำหนักเพียง 1 กก. สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 250 วัตต์ หากชิ้นผ้านี้ถูกยืดที่ความถี่ 30 ครั้งต่อวินาที

แต่สิ่งที่ยังคงเป็นปัญหาคือ ท่อนาโนคาร์บอน (Carbon nanotubes) ที่เป็นวัตถุดิบหลักของเทคโนโลยีนี้ยังมีราคาแพง แถมยังไม่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก เป็นข้อจำกัดให้ยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีนี้ ไปใช้กับงานที่ต้องการเส้นใยผ้าแบบพิเศษนี้ในปริมาณมาก ตัวอย่างเช่น ในเวลานี้เราสามารถนำเส้นด้ายแบบพิเศษ ไปสอดแทรกในเนื้อผ้าปกติ เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว แบบไม่ต้องใช้แบตฯ
และการใช้เส้นใยผ้าพิเศษนี้ในปริมาณมาก จะทำให้ผู้คนสามารถเก็บกักพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการขยับเคลื่อนไหวร่างกาย และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นน่าตื่นเต้นกว่า มันคือความฝันที่เราจะสร้างอุปกรณ์ราคาถูก ที่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าจากความเคลื่อนไหวของกระแสคลื่นในทะเล
และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่เทคโนโลยีเส้นใยผ้าแบบพิเศษนี้ จะเป็นแหล่งพลังงานให้กับอุปกรณ์อัจฉริยะที่สามารถสวมใส่ได้ (Wearables devices) และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากๆ และผลงานการวิจัยครั้งนี้ ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Science
https://youtu.be/Lt2vGlC4uRc

ที่มา : www.digitaltrends.com , science.sciencemag.org



Pet the Pup at the Party เกมส์อินดี้สำหรับคนกลัวการเข้าสังคมที่ให้ผู้เล่นตามหาน้องหมาในงานปาร์ตี้

แม้การเข้าสังคมจะเป็นสิ่งที่เราแทบจะทุกคนต้องกระทำเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับกลุ่มคนที่ "โรคกลัวการเข้าสังคม" นั้น มันคือ "ฝันร้าย" ในเวลากลางวันของพวกเขาครับ แต่ดูเหมือน Will Herring นักพัฒนาเกมส์ท่านหนึ่ง พอจะเข้าใจปัญหาที่ว่ามานี้ เขาจึงได้สร้างเกมส์ที่มีชื่อว่า Pet the Pup at the Party ขึ้นมา ที่ว่าด้วยการตามหาน้องหมาน่ารักทั้งหลายในปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยผู้คน
Pet the Pup at the Party เกมส์อินดี้สำหรับคนกลัวการเข้าสังคมที่ให้ผู้เล่นตามหาน้องหมาในงานปาร์ตี้
เป้าหมายการเล่นของเกมส์นั้น ไร้ความซับซ้อนใดๆ ครับ โดยตลอดการเล่น ตัวเกมส์จะนับเวลาถอยหลังลงเรื่อยๆ และผู้เล่นจะต้องตามหาที่มาของเสียงน้องหมาในเกมส์ทั้งหลายในที่พักอาศัยแห่งนี้ที่กำลังจัดปาร์ตี้นี้อยู่ และทำการกดปุ่มแตะมันเพื่อเป็นการเติมเวลา 30 วินาทีในการเล่นใช้เล่นต่อ ซึ่งผู้เล่นก็จะต้องควานหาเหล่าน้องหมาที่มีหลากหลายสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด
สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองเล่น ก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ https://grey2scale.itch.io/pet-the-pup ได้เลยครับ ตัวเกมส์ปล่อยให้เล่นฟรีที่เล่นได้ทั้ง Mac และ PC ด้วยนะ เจ๋งไม่เบาเลยทีเดียว
  

ที่มา : hellogiggles.com

ปู่นินเผย ลุงมาริโอ้ของเราไม่ใช่ช่างประปาอีกต่อไป แถมจริงๆ ไม่ได้เป็นมานานแล้วด้วย!

จากแรกเริ่มที่ "มาริโอ้" ลุงหนวดหมวกแดง ตัวละครมาสคอตประจำค่ายปู่นิน (Nintendo) นี้ ได้ปรากฎสู่สายตาประชาชีเป็นครั้งแรกในเกมส์ Donkey Kong (1981) ที่เอกลักษณ์รูปร่าง และการแต่งกายของเขา ได้เตะตาและถูกโฉลกนักเล่นเกมส์ในยุคนั้น Nintendo จึงได้สร้างเกมส์ ที่ลุงหนวดของเราผู้นี้ เป็นตัวเอกแบบเต็มตัวมากขึ้นในเกมส์แรกอย่าง "Super Mario Bros" ด้วยการให้เขามีอาชีพการงานที่ชัดเจนเป็น "ช่างประปา" ที่ในภายหลัง ภาพลักษณ์ที่ดังกล่าวนี้ ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เกมเมอร์และแฟนๆ ต่างใช้ในการจดจำตัวละครนี้ตลอดมา

แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้ ข้อมูลและประวัติตัวละครของมาริโอ้ที่อยู่บนเว็บไซต์หลักของ Nintendo นั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป ที่ได้ระบุชัดเจนว่า "ลุงหนวดของเราไม่ใช่ช่างประปาอีกต่อไป" และนี่่คือคำแปลอย่างคร่าวๆ ที่ทางเว็บไซต์เกมส์อย่าง Kotaku
เชี่ยวชาญทุกการกีฬา ไม่ว่าจะเทนนิส บาสเก็ตบอล ฟุตบอล กระทั่งขับรถคาร์ท หรืออะไรตาม ได้ทำการถอดข้อความให้ครับที่มันเจ๋งเขาชอบหมด อีกทั้งหนึ่งข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ คือ เขานั้น ไม่ได้มีอาชีพเป็นช่างประปามาเนิ่นนานแล้ว...
ข้อมูลและประวัติโดยคร่าวของมาริโอ้บนเว็บไซต์หลัก Nintendo
คราวนี้เรามาดูบทสัมภาษณ์ของนาย Shigeru Miyamoto ผู้สร้างลุงหนวดของเราที่ทาง Kotaku ได้ทำการขอสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ช็อคแฟนๆ นี้ดูครับ  

เรามักจะดีไซน์ตัวเกมส์ก่อน จากนั้นเราค่อยเลือกหาตัวละครที่มีลักษณะ หรือรูปร่างที่เหมาะ
สมใส่เข้าไปครับ เช่นเกมส์ ดองกี้ คอง ที่เรามีวายร้ายเป็นกอริลล่าอันเป็นส่วนประกอบหลัก
ของเกมส์ และตัวฉากที่เป็นไซต์ก่อสร้าง ซึ่งในตอนนั้น เราจึงใส่มาริโอ้เข้ามาเป็นตัวละครที่ผู้
เล่นต้องสวทบทบาท และให้เขามีอาชีพเป็นช่างไม้
และเมื่อพูดถึงเกมส์ Super Mario Bros ในหลากฉากของเกมส์จะเป็นพื้นที่ใต้ดิน ดังนั้น เรา
จึงได้ให้สองพี่น้อง Mario และ Luigi เป็นนักประปาครับ
                                                                                                                            Shigeru Miyamoto
                                                                                                               ผู้สร้างและคิดค้นตัวละครมาริโอ้
โดยสรุปนั้น จริงๆ แล้วเหมือนทางผู้สร้าง เขาไม่ได้คิดจะให้มาริโอ้หรือตัวละครใดๆ ของ Nintendo มีอาชีพที่จำเพาะเจาะจงตั้งแต่แรกครับ หากแต่ตัวละครทั้งหลาย สามารถปรับเปลี่ยนไปมาได้ตลอด ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเกมส์ Luigi's Mansion ที่ Luigi หรือน้องชายลุงหนวดของเรานั้นกลายเป็นอาชีพเป็นนักล่าผีไปโดยปริยาย

ที่มา : nowloading.co

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ดีแทค แอคเซอเลอเรท ประกาศผลรางวัล Batch 5 แล้ว มีเซอร์ไพรส์ 2 รางวัล



รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดิจิทัล นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการดีแทค แอคเซอเลอเรท บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด มหาชน หรือดีแทค มอบรางวัล Best Performance Startups ในงานดีแทค แอคเซอเลอเรท เดโมเดย์ ปี 5 ซึ่งเป็นการโชว์ผลงานพิชชิ่งบนเวทีของสตาร์ทอัพ 12 ทีม หลังจบการอบรมบูธแคมป์ 4 เดือนที่ผ่านมา ผลสำเร็จและสถิติที่น่าสนใจของดีแทค แอคเซอเลอเรท ในปีนี้ มีผู้หญิงเป็นผู้ก่อตั้งถึง 1 ใน 3 มีเมนเทอร์กูรูสตาร์ทอัพชั้นนำของไทย 9 คนและสตาร์ทอัพรุ่นพี่อีก 8 คน มีคอร์สบูธแคมป์อบรม 19 ครั้งจากวิทยากรชั้นนำ 23 คน และเป็นพันธมิตรกับ 6 องค์กรชั้นนำ โดยมีอัตราความสำเร็จของสตาร์ทอัพที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 80% ที่ได้รับการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ยังอยู่ในบูธแคมป์
 
เดโมเดย์ ปี 5 นี้เป็น 1 ใน 4 งานสำคัญของเหล่า Venture capital (VC) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มองหาสตาร์ทอัพ ที่จะลงทุนด้วย โดยมี VC ชั้นนำจากทั่วโลกมาร่วมงาน และเป็นโอกาสที่สตาร์ทอัพจะได้รับเงินทุน และรางวัลจากการนำเสนอแผนงานกับ VC เพื่อระดมเงินทุนในระดับ Series A และ Seed Funding สตาร์ทอัพได้โชว์การพิชชิ่ง บนเวทีที่ยิ่งใหญ่ โดยประกาศผลทีมที่ได้รับรางวัล ดังนี้

1. ทีม Tourkrub ได้รับรางวัล Telenor Digital Winner Asia สิงคโปร์ โดยที่ Tourkrub เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่รวมแพ็กเกจจากบริษัททัวร์คุณภาพ โดยผ่านการคัดสรรมาจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าเลือกแพ็กเกจทัวร์ที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นความต้องการเรื่องสถานที่ที่อยากไป ช่วงเวลาที่อยากไป กิจกรรมที่อยากลอง รวมถึงงบประมาณที่มี



2. ทีม Seekster ได้รับรางวัล Web Summit 2017 กรุงลิสบอน โปรตุเกส ซึ่งเป็นงาน tech conference ที่มีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดในโลก กว่า 30,000 คน โดยทีม Seekster เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มบริการด้านความสะอาด และการซ่อมแซมบ้าน ออฟฟิศ หรือคอนโด ให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เติบโตและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

3. ทีม Indie Dish ได้รับรางวัล Google Developer LaunchPad ที่ได้รับการสนับสนุนจากกูเกิล เพื่อเข้าร่วมศูนย์บ่มเพาะพิเศษ ที่สิงคโปร์ โดยทีม Indie Dish เป็นเจ้าของบริการสั่งอาหารสุขภาพ/อาหารคลีน ผ่านแอพฯ โดยรวมร้านสุขภาพชั้นนำกว่า 60 ร้าน ให้ลูกค้าสั่งซื้อได้ง่ายๆ และสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สามารถทำธุรกิจร้านอาหารแบบไม่ต้องมีหน้าร้านได้อย่างยั่งยืน


นอกจากรางวัลหลักที่มอบให้ทั้ง 3 ทีมแล้ว ก็ยังมีเซอร์ไพรส์รางวัลพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 รางวัลจากพันธมิตร LINE ประเทศไทย และบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
1. ทีม Ricult ได้รับรางวัล TechCrunch Disrupt ที่เมืองซานฟรานซิสโก จากบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นโอกาสในการไปออกบูธพบนักลงทุน และ Business partner ตลอดระยะเวลา 3 วัน ที่งาน TechCrunch Disrupt ซึ่งงานที่จัดโดยสื่อด้าน Tech & startup ที่มีผู้ติดตามมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เป็นงานใหญ่ประจำปีของ Tech crunch ที่รวมนักลงทุนระดับแนวหน้าของซิลิคอน วัลเล่ย์ มาที่งานนี้ รางวัลนี้เป็นความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างเมืองไทยประกันชีวิต, TechCrunch และดีแทค แอคเซอเลอเรท

2. รางวัล Line@ Startup Pack จาก LINE API มอบรางวัลนี้ให้กับ 12 ทีม ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสตาร์ทอัพกลุ่มแรก ที่ได้เชื่อมต่อ API กับ Line
ที่มาเว็บhttp://bit.ly/2wnPFqm